In this case, I'm using washo4evr's librady.
Please refer to https://github.com/washo4evr/Socket.io-v1.x-Library
Create folder name ~\SocketIOClient and download SocketIOClient.cpp and SocketIOClient.h to your library directory of Arduino.
Ex. C:\Program Files (x86)\Arduino\libraries\SocketIOClient\
/* [NEED] --- Include something need, example WiFi library, Arduino --- */
#include <SocketIOClient.h>
/* [NEED] --- Declare something need, example WiFi library --- */
SocketIOClient client;
StaticJsonBuffer<200> jsonBuffer;
JsonObject& root = jsonBuffer.createObject();
extern String RID;
extern String Rname;
extern String Rcontent;
char hostip[] = "YOUR_HOST_IP";
int port = YOUR_PORT_NUMBER;
void setup();
void loop();
void setup() {
/* [NEED] --- Initial anything that you want --- */
/* [NEED] --- Try to connect to WiFi --- */
if (!client.connect(hostip, port)) {
Serial.println("connection failed");
}
if (client.connected()){
client.send("connection", "message", );
}
}
void loop() {
if(client.monitor()){
// Ex. Sending side(package from server)
// socket.emit("EVENT_NAME", { "ATTRIBUTE_OF_OBJ" : SOMETHING });
if(RID == "EVENT_NAME"){
if(Rname == "ATTRIBUTE_OF_OBJ"){
Serial.print("Got " + Rcontent);
// Output : Got SOMETHING
}
}
}
}
JubchaiLife
Cookie Consent
วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559
วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2559
แสดงข้อมูลบนกราฟแบบ real-time บน AmChart ผ่านทาง Socket.io
( ข้อมูลบางส่วนมีการอ้างอิงถึงเรื่อง real-time web app. )
ข้อมูลแบบ real-time แต่ละคนคงมีที่มาแตกต่างกันไป แต่เนื่องมาจากผมเล่นพวก IoT เอา NodeMCU กับ Socket.io มาวัดค่า something ได้ค่ามาและ แวปแรกที่นึกถึงการแสดงผลบนกราฟ ก็คือ AmChart นั่นเอง เพราะมันสวย, ฟรี(กรณีนี้คือต้องยอมให้เขาติดชื่อโลโก้ของเขาไว้บน chart ของเรา), มีลูกเล่นและรูปแบบของ chart ให้เลือกมากมาย
หลังจากตัดสินใจแล้วว่าใช้ AmChart ก็มาเลือก chart ใน style ที่ใช่กันก่อนที่ลิงค์นี้ https://www.amcharts.com/demos/ เมื่อเลือก chart เสร็จแล้วกด "View Demo Source" ดูครับ เราสามารถเอา code ชุดนี้ไปลอง run บนเครื่องตัวเอง เพื่อให้รู้การทำงาน และจะได้ปรับแต่งให้เข้ากับข้อมูลของเราในภายหลัง
ในขั้นตอนนี้ผมเลือก "Smoothed Line Chart" จากนนั้นมาเตรียม code ฝั่งหน้าเว็บกัน
<!DOCTYPE html>
<html>
<head>
<meta charset="utf-8">
<meta http-equiv="X-UA-Compatible" content="IE=edge">
<meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1">
<title>Real-Time tracking data</title>
<style>
<!--
|
|
| เอา style ของ chart มาใส่ตรงนี้
|
|
-->
</style>
<!-- jQuery ตรงนี้ผมเพิ่มเข้ามาต่างหาก
ไม่เกี่ยวกับ AmChart แค่ต้องการทำให้ใช้งาน
javascript ง่ายขึ้นเท่านั้น -->
<script src="http://code.jquery.com/jquery-latest.min.js" type="text/javascript"></script>
<!-- Library สำหรับใช้งาน socket.io -->
<script src="https://cdn.socket.io/socket.io-1.4.5.js"></script>
<!--
|
|
| วาง tag script ของ AmChart ไว้บริเวณนี้
|
|
-->
<script>
$(document).ready(function(){
<!-- กำหนดการเชื่อมต่อกับ server ด้วย socket.io -->
var socket = io('YOUR_SERVER_IP:8081/');
<!--
|
|
| วาง config ของ AmChart ไว้บริเวณนี้
|
|
-->
});
</script>
</head>
<body>
<!--
|
|
| เอา chart ที่เป็น tag div วางบริเวณนี้
|
|
-->
</body>
</html>
ภายใน <!-- ??? --> เป็น syntax สำหรับ comment ใน HTML นะครับ เราสามารถ copy code ตัวอย่างดังกล่าวมาวาง block ด้านบนได้เลย ก็จะได้เชยชม chart สวยๆกันแล้วครับ
ส่วนการ refresh chart ตามข้อมูลใหม่ที่รับเข้ามานั้น ผมให้มันทำงานใน callback function ของ socket.io แต่ก่อนอื่น เราจำเป็นต้อง config chart เล็กน้อยเสียก่อน ดังนี้
- ที่ dataProvider : ตัว demo จะให้ dummy data ในรูปของ object ใน array มาเพื่อจำลองการทำงาน เราจะเปลี่ยนเป็นตัวแปรที่ชื่อ chartData ซึ่งมันคือ object ตัวนึงที่ return มาจาก generateChartData function
- ที่ valueAxes, graphs : เราสามารถสร้างเส้น graph ได้หลายเส้นโดยการเพิ่มข้อมูลตรงส่วนนี้ลงไป
var chartData = generateChartData();
var chart = AmCharts.makeChart("chartdiv", {
"type": "serial",
"theme": "light",
"marginRight": 80,
"dataProvider": chartData,
"synchronizeGrid":true,
"valueAxes": [{
"position": "left",
"axisColor": "#2EFEF7",
"title": "Analog"
},{
"position": "left",
"axisColor": "#66FF00",
"title": "Digital"
}],
"graphs": [{
"id": "g1",
"fillAlphas": 0.2,
"lineColor": "#2EFEF7",
"type": "smoothedLine",
"valueField": "analog",
"balloonText": "<div style='margin:3px; font-size:14px;'>Analog:<b>[[value]]</b></div>"
},{
"id": "g2",
"lineColor": "#66FF00",
"type": "smoothedLine",
"valueField": "digital",
"balloonText": "<div style='margin:3px; font-size:14px;'>Digital:<b>[[value]]</b></div>"
}],
"chartScrollbar": {
"graph": "g1",
"scrollbarHeight": 80,
"backgroundAlpha": 0,
"selectedBackgroundAlpha": 0.1,
"selectedBackgroundColor": "#888888",
"graphFillAlpha": 0,
"graphLineAlpha": 0.5,
"selectedGraphFillAlpha": 0,
"selectedGraphLineAlpha": 1,
"autoGridCount": true,
"color": "#AAAAAA"
},
"chartCursor": {
"categoryBalloonDateFormat": "HH:mm, DD MMMM",
"cursorPosition": "mouse"
},
"categoryField": "date",
"categoryAxis": {
"minPeriod": "ss",
"parseDates": true
},
"export": {
"enabled": true,
"dateFormat": "YYYY-MM-DD HH:mm:ss"
}
});
บางครั้งการรับข้อมูลมาวาดกราฟจำนวนมาก เส้นกราฟติดกันเกินไปอาจทำให้ดูไม่รู้เรื่องได้ เราสามารถกำหนดขอบเขตข้อมูลที่เอาไว้โชว์หรือเอาเท่าที่อยากดูเท่านั้น โดย set ให้ chart ทำการ zoom ไปที่ data เท่าที่เราต้องการเมื่อมีการอัพเดทข้อมูลลง chart
chart.addListener("dataUpdated", zoomChart);
zoomChart();
โดยที่ function generateChartData และ zoomChart เป็นดังนี้
- zoomChart : ผมให้ chart โชว์ข้อมูลย้อนหลังแค่ 10 ชุดข้อมูล
- generateChartData : ผมสร้าง array ว่างๆไว้ตัวนึง แล้วก็ดึง วันเวลาปัจจุบันมาเก็บไว้ พร้อมกับกำหนดค่าเริ่มต้นให้กับ chart โดยการยัด object { date: newDate, value: 0 } ลงไปใน array
function zoomChart() {
// different zoom methods can be used - zoomToIndexes, zoomToDates, zoomToCategoryValues
chart.zoomToIndexes(chartData.length - 10, chartData.length);
}
// generate some random data, quite different range
function generateChartData() {
var chartData = [];
currentDate = new Date();
currentDate.setSeconds(currentDate.getDate());
var newDate = new Date(currentDate);
newDate.setSeconds(newDate.getSeconds());
// add data item to the array
chartData.push({
date: newDate,
value: 0
});
return chartData;
}
มาถึงส่วนอัพเดทข้อมูลลง chart ครับ โดยจะรอรับค่าผ่าน event ในที่นี้ชื่อ "update_chart" แล้วนำค่าที่ได้ เลือกมาเฉพาะค่าที่เป็นค่า digital จาก NodeMCU ยัดใส่ array ที่เตรียมไว้(ข้อมูลทุกชุดจะถูกเก็บลงในตัวแปรตัวนี้) แล้วทำการ assign array ดังกล่าวให้กับ dataProvider แล้วทำการเรียก validateData function เพื่อทำการ redraw chart
socket.on('update_chart', function(data){
// Assume object 'data' to be:
// data = {
// analog: 300,
// digital: 1023
// }
console.log(data);
var newDate = new Date(currentDate);
newDate.setSeconds(newDate.getSeconds() + 1);
chartData.push({
date: newDate,
value: data.digital,
});
chart.dataProvider = chartData;
chart.validateData();
chart.dataProvider = chartData;
chart.validateData();
});
เท่านี้ก็จะได้เห็น real-time data ผ่านทาง AmChart แล้วครับ
ตำแหน่ง:
Bangkok, Thailand
วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559
Handwriting - มาฝึกเขียน Japanese alphabet กัน
เขียนตัวอักษรด้านล่างเลย
ความหนาของเส้น 10ผล :
ป้ายกำกับ:
Free time,
Handwriting,
Japanese alphabet,
Training
ตำแหน่ง:
Thailand
วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559
การใช้งาน PuTTY ขั้นต้น
PuTTY เป็น SSL และ telnet client หรือ พูดง่ายๆ เป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อไปยังอีกเครื่องผ่านหน้า console ดำๆ ด้วย Windows ขั้นตอนที่กำลังจะกล่าวถึง อ้างถึงการ connect ไปยัง Amazon Web Services (AWS) เท่านั้นนะครับ หากใครใช้งานอย่างอื่น ลองประยุกต์ใช้กันดูนะครับ
การติดตั้ง
ตัว PuTTY ที่เราสนใจมี 2 ตัวด้วยกันคือputty.exe
และ puttygen.exe
ซึ่งใช้งานต่างกันโดยputty.exe - เป็นตัวหลักที่ใช้ในการ connect ไปยังอีกเครื่องผ่านหน้า consoleคุณสามารถ download ผ่านทาง ลิงค์นี้
puttygen.exe - เป็นตัวจัดการ key ที่ใช้ในการ access ไปยัง AWS (ผมจะถูกถึงแค่การแปลง .pem เป็น .pkk เพื่อใช้กับ FileZilla เท่านั้น สามารถติดตามได้ในส่วนของ FileZilla)
การตั้งค่า
1. ทำการ run putty.exe
3. เลือก key ที่ได้จาก AWS (.pem ซึ่ง download ได้ตอนเปิด instance)
4. ที่แถบด้านขวา ไปที่ Session ใส่ IP ของ instance ที่เราเปิดไว้ใน AWS console
5. ที่หัวข้อ Saved Session ใส่ชื่อตามต้องการ แล้วกด Save เพื่อที่ครั้งหน้า จะได้โหลดมาใช้ได้เลย
การเชื่อมต่อ
หลังจาก config ค่าทั้งหมดแล้ว กด Open แล้วหน้า console ดำๆจะแสดงขึ้นมา โดยส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้ ตั้งค่าอะไรมาก่อนที่ AWS ก็จะใช้รหัส "ubuntu" ในการเข้าถึง AWS
เท่านี้คุณก็สามารถเชื่อต่อกับ instance ของคุณที่เปิดขึ้นบน AWS ได้แล้ว บทความต่อๆไปจะมา support การใช้งาน secure shell(SSH) client ดังกล่าวให้ง่ายขึ้น รอติดตามด้วยนะครับ
ตำแหน่ง:
Bangkok, Thailand
ทำ Real-Time web application บน Amazon Web Services(AWS) ด้วย Node.js + Socket.IO
บทความนี้จะกล่าวถึงการ coding เพื่อทำ WebSocket ด้วย Node.js และ framework ที่ชื่อ Socket.io บน AWS EC2 เท่านั้น ไม่มีบริการอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งภาษาที่ใช้จะเป็น JavaScript ทั้งหมด
ข้อดี สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขการทำงานต่างๆด้วยตนเองได้ทั้งหมด
ข้อเสีย อาจต้องใช้เวลาในการเรียนเพิ่มขึ้นรู้สำหรับผู้เริ่มต้นหรือไม่มีความคุ้นเคยกับ AWS, Unix Environment และ JavaScript
สิ่งที่ต้องใช้
- Amazon Web Services(AWS) account (สอบถามการใช้งานได้ครับ)
- PuTTY (สามารถดูได้จาก บทความ "การใช้งาน PuTTY ขั้นต้น")
- FileZilla (สามารถดูได้จาก บทความ "การใช้ FileZilla ขั้นต้น")
- Node.js (download ได้ ที่นี่ เมื่อติดตั้งแล้วสามารถใช้งานได้เลยผ่านหน้า console)
- Socket.io
- Text Editor (แนะนำ Sublime หรือจะใช้ตัวอื่นก็ได้ครับ เช่น Notepad++)
Framework
Node.js [https://nodejs.org/en/]
เป็น JavaScript runtime ที่สร้างบน Chrome's V8 JavaScript engine พัฒนาโดย Google (ตามอ่านรายละเอียดได้ ที่นี่) การทำงานของ Node.js จะเป็นในลักษณะ event-driven และ non-blocking ซึ่งทำให้มันมีประสิทธิภาพและไม่หนักเครื่อง โดยมี library package มากมายที่ผู้พัฒนาจากทั่วโลกทำขึ้นมา support ในงานต่าง เราสามารถติดตั้งด้วยคำสั่ง npm และที่สำคัญคือเป็น open source
Socket.io [http://socket.io/]
เป็น JavaScript framework ที่ใช้ในการส่งข้อมูลแบบ real-time แบบ bidirectional และ เป็น event-based ที่ค่อนข้างเร็วและเสถียร แต่ Socket.io อาจจะไม่เหมาะสมกับการเชื่อมต่อหลายๆ connection (1,000+ connection) หากจำต้องใช้ WebSocket ในงานของคุณจริงๆ อาจต้อง config เพิ่มเติมหรือใช้งาน framework หรือ engine ตัวอื่นมา support ครับ
การติดตั้ง
หลังจากติดตั้ง Node.js แล้วให้ทำการเปิดหน้า console ขึ้นมาโดยกด WinKey + R พิมพ์ cmd แล้ว Enter แล้วทำการ check ว่า Node.js ใช้งานได้หรือไม่โดยพิมพ์
node -v
แสดง version ของ Node.js
ถ้า console return version ของ Node.js ได้เป็นอันใช้ได้ครับ ทำการติดตั้ง Socket.io และ Express.js โดยพิมพ์
npm install --save socket.io npm install --save expressเราใส่ --save ด้วยเพื่อที่ทำการติดตั้งลงบน directory ที่เราต้องการเท่านั้น (กรณีไม่ใส่ มันจะทำการติดตั้งไว้ที่ default path ข้อดีคือ run ได้ทุก project แต่ข้อเสียคือตอนที่นำ project ไปใช้ที่อื่น จำต้อง copy package ดังกล่าวติดไปด้วย เพื่อความสะดวกจึงใส่ option --save ไปด้วย) รอจนกระทั่งติดตั้งเสร็จ
Coding
File name : server.jsทำการ run code ฝั่ง server โดยพิมพ์คำสั่งในหน้า console ว่า// เรียกใช้ framework สำหรับ web application var express = require('express'); var app = express(); // กำหนดให้เชื่อต่อกับ server ด้วย http var http = require('http').Server(app); // ใช้งาน socket protocal ผ่านทาง http var io = require('socket.io')(http); // กำหนด port ในการเข้าถึง server var port = 8090; app.get("/", function(req, res) { res.sendFile(__dirname + '/index.html'); }); // input/output สำหรับการเข้าถึง web io.on('connection', function(socket){ // รอรับ object หรือ message ผ่าน event ชื่อ 'send-whatever' จาก client socket.on('send-whatever', function(data) { console.log('Got message : ' + data); // ส่ง object -> [ 'server received : ' ตามด้วย data ] ผ่าน event ชื่อ 'receive-whatever' ไปยัง client socket.emit('receive-whatever', 'server received : ' + data); }); }); // รอรับข้อมูลจาก client ผ่านทาง http://[host IP]:[port] http.listen(port, function(){ console.log('listening on *:' + port); });
node server.js
ตอนนี้ server จะรอรับการเชื่อมต่อจาก client เรามาดู code ฝั่ง web client กัน
File name : index.html<!DOCTYPE html> <html> <head> <!-- กำหนดคุณสมบัติของหน้า web --> <meta charset="utf-8"> <meta http-equiv="X-UA-Compatible" content="IE=edge"> <meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1"> <!-- ชื่อ web --> <title>Real-Time web application</title> <!-- Library zone --> <!-- Bootstrap : Latest compiled and minified CSS --> <link rel="stylesheet" href="https://maxcdn.bootstrapcdn.com/bootstrap/3.3.7/css/bootstrap.min.css" integrity="sha384-BVYiiSIFeK1dGmJRAkycuHAHRg32OmUcww7on3RYdg4Va+PmSTsz/K68vbdEjh4u" crossorigin="anonymous"> <!-- jQuery --> <script src="http://code.jquery.com/jquery-latest.min.js" type="text/javascript"></script> <!-- Bootstrap : Latest compiled and minified JavaScript --> <script src="https://maxcdn.bootstrapcdn.com/bootstrap/3.3.7/js/bootstrap.min.js" integrity="sha384-Tc5IQib027qvyjSMfHjOMaLkfuWVxZxUPnCJA7l2mCWNIpG9mGCD8wGNIcPD7Txa" crossorigin="anonymous"></script> <!-- Socket.io --> <script src="https://cdn.socket.io/socket.io-1.4.5.js"></script> <!-- กำหนด function การทำงานต่างๆในนี้ --> <script> // รอจนโหลดหน้า web เสร็จจึงค่อยทำ $(document).ready(function(){ // เชื่อมต่อ websocket ด้วย IP(ตัวอย่างเช่น 52.123.456.78) ของ instance บน AWS var socket = io('http://52.123.456.78:8090/'); // เมื่อกดปุ่ม 'Send' ข้อความที่ tag id 'textMsg' จะถูก get ค่าและส่งไปยัง server $("#sendBtn").click(function(){ socket.emit('send-whatever', $("#textMsg").val()); }); // รอรับการตอบกลับจาก server ผ่าน event ชื่อ 'receive-whatever' socket.on('receive-whatever', function(data){ // แล้ยวทำการเพิ่มข้อความในหน้าเว็บลงใน element id 'listMsg' $("#listMsg").append('<li class="list-group-item">' + data + '</li>'); }); }); </script> </head> <body> <!-- หน้าตา web --> <div class="wrapper"> <div class="container"> <div class="row text-center"> <div class=".col-md-4"></div> <div class=".col-md-4"> <h2>Real-Time message</h2> <div class="input-group"> <span class="input-group-btn"> <button class="btn btn-default" type="button" id="sendBtn">Send</button> </span> <input id="textMsg" type="text" class="form-control" placeholder="sending your message here..."> </div><!-- /input-group --> </div> <div class=".col-md-4"></div> </div> <div class="row text-center"> <ul id="listMsg" class="list-group"> </ul> </div> </div> </div> </body> </html>ผลลัพธ์ที่ได้คือ server จะตอบกลับ client ด้วยสิ่งเดียวกับที่ client ส่งมายัง server
ตำแหน่ง:
Bangkok, Thailand
การใช้งาน FileZilla ขั้นต้น
บทความนี้อ้างถึงการเข้าถึง Amazon Web Services(AWS) เป็นหลัก ผู้ที่ใช้งาน service ประเภทอื่นลองประยุกต์ใช้ดู นะครับ
FileZilla ถูกใช้เป็นตัว transfer file จากเครื่องๆหนึ่งไปยังอีกเครื่ องหนึ่ง ซึ่ง support การเชื่อมต่อได้หลายรูปแบบ ในที่นี้จะกล่าวถึงการเชื่อมต่ อแบบ SSH ที่มีความปลอดภัยสูงผ่าน private key ที่ถูกแปลงมาจาก .pem ด้วย puttygen.exe เพื่อเข้าถึง instance ของเราใน AWS
การติดตั้ง
การตั้งค่า
1. ทำการเพิ่ม private key (.ppk) โดยไปที่ Edit -> Setting -> SFTP -> Add key file... แล้วทำการเลือก key ที่ได้จาก AWS กรณีที่ยังไม่ทำการแปลง .pem เป็น .ppk ตัว FileZilla จะทำการแปลงให้ครับ
2. กำหนด IP ที่ใช้ประจำโดยไปที่ File -> Site Manager...
3. ทำการใส่ IP ของ instance ที่เราใช้ ส่วนของการ login เลือก Normal แล้วใส่ User เป็น ubuntu หลังจากนี้ทุกครั้งคุณก็แค่เลือก instance ที่คุณใช้ ไม่ต้อง set ใหม่ทุกรอบ
การใช้งาน
ผู้ที่พัตนา website หรือ ฝั่ง client รวมถึงผู้ที่ดูแลฝั่ง server จะมีการใช้งานหลักๆคือ upload script หรือ source code ที่ตนพัฒนาไปยัง host หรือ instance ที่ใช้งานอยู่ โดยการเชื่อมต่อไปยัง IP ที่ตั้งค่าเอาไว้ หลังจากนั้นโปรแกรมจะโชว์ directory ที่มีทั้งหมดของเรา(ซ้าย)และ instance ที่เราเชื่อมต่อ(ขวา) ถ้าต้องการ upload file ก็สามารถทำการลาก file วางลงใน directory ที่ต้องการทางช่องขวาได้เลย
ป้ายกำกับ:
FileZilla,
Upload to server
ตำแหน่ง:
Bangkok, Thailand
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)